• 3 ธันวาคม 2018 at 10:52

นิสสัน ลีฟ ใหม่

       นิสสัน ลีฟ ใหม่ มอบความเรียบง่ายแต่น่าทึ่งหรือ “Simply Amazing” ลีฟ ใหม่ นำเสนอวิสัยทัศน์ของนิสสันเกี่ยวกับการขับเคลื่อนในอนาคต นิสสัน ลีฟ เจนเนอเรชั่นที่ 2 นี้มอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และการดีไซน์ที่ปราดเปรียว ผู้ขับขี่จะรู้สึกมั่นใจและตื่นเต้นมากขึ้นด้วย นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของนิสสันในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่ยานยนตรวมถึงการทำให้ยานยนต์เป็นพลังขับเคลื่อน และเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนก้าวไปสู่โลกที่ดีขึ้น โลกที่มีพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เชื่อมต่อกันมากขึ้น และเป็นอิสระมากขึ้น นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ มีสามด้านหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power)และเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ(IntelligentIntegration)  เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะที่โดดเด่นในลีฟ ใหม่ คือ อี-เพดัล (e-Pedal) และ นิสสัน เซฟตี้ ชิลด์ (Nissan Safety Shield)

        นิสสัน ยกระดับนวัตกรรมประสบการณ์ขับขี่ให้ลีฟ ใหม่ ด้วย e-Pedal ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกง่ายดายให้ผู้ขับขี่ในการออกตัว เร่งความเร็ว ลดความเร็ว หยุดนิ่งและควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว ถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่ได้อย่างสิ้นเชิง เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก e-Pedal ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องยกเท้าจากแป้นคันเร่งเพื่อเหยียบแป้นเบรกบ่อยครั้งเมื่อต้องการลดระดับความเร็วหรือหยุดรถ ซึ่งช่วยลดความเมื่อยล้าและเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ ผลสำรวจของนิสสัน ในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าระบบ e-Pedal ของนิสสัน ลีฟ ช่วยลดจำนวนการเหยียบแป้นเบรคขณะเดินทางในการจราจรที่ติดขัด แม้ว่าแป้นเบรกจะได้รับการใช้งานเช่นเดิม เมื่อต้องมีการเบรกอย่างกะทันหัน แต่ e-Pedal ก็สามารถช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้แป้นคันเร่งเพียงหนึ่งเดียวในกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการขับขี่ 

      นิสสัน ลีฟ ใหม่ ยังติดตั้งเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่ เทคโนโลยีเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning: FCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (Forward Emergency Braking: FEB) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor: IAVM) พร้อมเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection: MOD)  เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Active Trace Control: ATC) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert: DAA) 

 เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ(IntelligentPower)หัวใจหลักของเทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะในลีฟใหม่คือระบบขับเคลื่อนพลังงาไฟฟ้า(epowertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่มอบสมรรถนะที่ต่อเนื่องและเร้าใจด้วยการส่งกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ มากกว่าลีฟ เจนเนอเรชั่นก่อนหน้า 38 เปอร์เซ็นต์ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์เป็น 320 นิวตันเมตร ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นโดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม ด้วยเวลาเพียง 7.9 วินาที

        ผู้ขับขี่ลีฟ ชื่นชอบการตอบสนองที่ทันท่วงที และสมรรถนะที่เสถียรขณะเดินทางในเมือง ลีฟ ใหม่ ได้รับการพัฒนาเรื่องขุมพลังในการเร่ง ซึ่งจะเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิมแม้จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ลีฟ ใหม่ ยังเพิ่มระยะทางขับเคลื่อนไกลมากขึ้นด้วยเช่นกัน ชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดใหม่ให้ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐานการวัดค่าไอเสียและอัตราสิ้นเปลืองในการขับขี่ของยุโรป NEDC ที่ 3111 กิโลเมตร ซึ่งตอบสนองต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าส่วนใหญ่ของนิสสันได้อย่างน่าพึงพอใจแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความจุพลังงานที่ดีขึ้นโดยยังมีขนาดเท่าเดิมชุดแบตเตอรี่ดังกล่าวมีมิติเท่าเดิมทุกด้านเหมือนกับลีฟ รุ่นก่อนหน้า การปรับปรุงใหม่เกิดขึ้นภายในโครงสร้างแต่ละเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดอัดซ้อน (laminated lithium-ion battery) ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2010 อีกหนึ่งพัฒนาการทางวิศวกรรมที่สำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุขั้วไฟฟ้าพร้อมการปรับปรุงเคมีใหม่ ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้น พร้อมกับเพิ่มความทนทานของแบตเตอรี่ทั้งในขณะชาร์จและคลายประจุไฟ

       เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration) ระบบ Vehicle-to-grid ของแบตเตอรี่ของนิสสัน ลีฟ ใหม่ สามารถสะสมพลังงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากพลังงานส่วนเกินในเวลากลางวัน เพื่อนำกระแสไฟฟ้ามาใช้งานภายในบ้านช่วงกลางคืนการเชื่อมต่ออัจฉริยะของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านพลังงานอย่างสิ้นเชิง ทำให้เจ้าของรถลีฟ จะได้รับประโยชน์ต่างๆ จากบริษัทพลังงานที่ต้องการสร้างโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความเสถียร เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยผู้ใช้งานลีฟ สามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุดในบางประเทศ เพื่อนำมาใช้ในช่วงกลางวันเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน 

       โครงสร้าง และตัวถังรถยนต์ ลีฟ ใหม่ เพิ่มสมรรถนะ และความคล่องตัวในการขับขี่ที่ล้ำขึ้นอีกขั้น ทีมวิศวกรของนิสสัน พัฒนาโครงสร้างของลีฟ ใหม่ ให้มีเสถียรภาพการทรงตัวที่ดีขึ้น นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการขับขี่บนทางด่วน รวมทั้งมีการตอบสนองต่อสภาพพื้นผิวถนนที่ดียิ่งขึ้น เนื่องมาจากการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ระบบควบคุมทำงานเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์วัดองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย และระบบกันสะเทือนแบบทอร์สชั่น บาร์ (Torsion Bar) ที่มีอัตราการยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์  นอกเหนือจากนี้ชุดยางซับแรงกระแทกที่ใช้วัสดุยูรีเธนสำหรับระบบกันสะเทือนหลังได้ถูกแทนที่ด้วยวัสดุใหม่ที่ผลิตจากยางที่ช่วยลดแรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน เมื่อต้องขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระ โดยลีฟ ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) เพื่อช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีการทำงานที่แม่นยำมากขึ้นในการสร้างแรงบิดที่เหมาะสมเมื่อเข้าโค้ง การออกแบบภายนอก: รูปทรงที่โฉบเฉี่ยวด้วยแสงเงา และ “กลิ่นอายของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย” การออกแบบนิสสัน ลีฟ ใหม่ แสดงให้เห็นถึงการออกแบบด้วยแนวทาง "Cool Tech Attitude" ของนิสสันและความพยายามในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดของโลก

      โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ IDS Concept ที่นำเสนอสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2015 ด้วยความสปอร์ต รูปทรงที่ดึงดูดสายตาสะท้อนตัวตนของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตปรัชญาของการออกแบบคือ ต้องการแสดงถึงเส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตา แต่แฝงไปด้วยความดุดัน รวมไปถึงความโฉบเฉี่ยวของการเล่นแสงเงาให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงยานยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้เส้นสายหลักในแนวนอน  กันชน และความโดดเด่นของตัวถังช่วงล่างเน้นย้ำให้เห็นถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถทำให้สัมผัสได้ถึงการขับขี่ที่สนุกสนาน และคล่องตัว การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในส่วนของกระจังหน้าแบบ V-Motion, ไฟรูปทรง “บูมเมอแรง” และการออกแบบแนวเส้นหลังคา แสดงให้เห็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของนิสสัน เพื่อให้ลีฟ ใหม่ มีความเชื่อมโยงกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของนิสสัน  ลวดลายตาข่ายสีน้ำเงินสว่างแบบสามมิติโดดเด่นสะกดทุกสายตา เสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้าแบบ V-Motion เสริมความพิเศษเฉพาะตัวของลีฟในฐานะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 

      นิสสัน ลีฟ ใหม่ ใช้ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์แบบคู่ รองรับการทำงานทั้งไฟต่ำ และไฟสูง และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งในรถยนต์ของนิสสัน ช่วยสร้างความรู้สึกทันสมัย พร้อมทั้งเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็นและเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเพิ่มระยะการส่องสว่างที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของดีไซน์ และการใช้งาน ชุดไฟท้ายมีความโดดเด่นที่ทำให้ผู้คนที่พบเห็นสามารถจดจำลีฟรุ่นใหม่ได้จากระยะไกล การติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายให้เป็นส่วนหนึ่งของลวดลายกระจกทำให้ลีฟ ใหม่ มีความสปอร์ตและสะดุดตามากยิ่งขึ้น ฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำผสมผสานอย่างลงตัวกับกระจกด้านหน้าที่ทอดยาวไปจนถึงหลังคา ก่อให้เกิดเส้นเงาที่โฉบเฉี่ยว และทำให้การระบายของอากาศดีขึ้น การออกแบบใต้ท้องรถ และกันชนท้ายที่มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ช่วยทำให้ลดแรงต้านอากาศ และอากาศที่ยกตัวรถ ช่วยให้รถมีความมั่นคงยิ่งขึ้น การออกแบบตัวถังตามหลักแอโรไดนามิกส์รวมถึงกันชนหลังที่เป็นแนวโค้งและการออกแบบล้อตามหลักอากาศพลศาสตร์ทำให้นิสสันลีฟใหม่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ (drag coefficient) เพียง 0.28 เท่านั้น

      นอกจากนี้ช่องเสียบสายชาร์จไฟบริเวณด้านหน้ารถได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าของรถสามารถเสียบสายชาร์จโดยไม่ต้องก้มตัวลงมาเหมือนรุ่นก่อน ด้วยหลักการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของนิสสัน แสดงให้เห็นว่าช่องเสียบสายชาร์จไฟใหม่ที่ถูกติดตั้งในระดับ 45 องศา ทำให้ผู้ใช้งานที่มีระดับความสูงต่างกันสามารถเสียบสายชาร์จไฟได้อย่างสะดวก การออกแบบภายใน บรรยากาศที่หรูหราแต่แฝงด้วยความเรียบง่าย ผ่อนคลาย และทันสมัย ภายในห้องโดยสารของลีฟ ใหม่ มีความกว้างขวาง และสะดวกสบายมากขึ้น ที่ยึดหลักการออกแบบของนิสสัน Gliding Wing  เป็นแนวทางหลัก  การปรับดีไซน์ให้หน้าจอและรูปแบบของไฟแสดงข้อมูลของคนขับเรียบง่ายขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีความเรียบหรู และตอบสนองด้านพื้นที่และการใช้งาน ผู้ขับขี่ลีฟ ใหม่ สามารถมองเห็นข้อมูลที่จำเป็นในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการขับขี่ที่สนุกและเพลิดเพลิน

      ลูกค้าจะเห็นตะเข็บการเย็บสีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้านิสสัน ทั้งบริเวณเบาะนั่ง ด้านข้างประตู ที่วางแขน และพวงมาลัย รวมทั้งการใช้โทนสีน้ำเงินกับปุ่มสตาร์ต และเกียร์ที่ให้ความรู้สึกถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย หน้าจอแสดงข้อมูล และสวิตช์ควบคุมต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความฉลาด และใช้งานง่ายขึ้น โดยที่มีความโดดเด่นมากที่สุด คือ การผสมผสานระหว่างมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกกับหน้าจอแสดงผลแบบ multi-information  ด้านซ้าย หน้าจอสีแบบ Thin-film Transistor (TFT) ขนาด 7 นิ้ว บอกปริมาณกำลังไฟฟ้าที่ใช้ตามการกำหนดค่ามาตรฐาน โดยคนขับสามารถเลือกแสดงข้อมูลตามที่ต้องการ หน้าจอแสดงผลตรงกลางแบบ Flush-surface ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกต่อการเลือกระบบความบันเทิง รวมทั้งแสดงให้เห็นการทำงานของเทคโนโลยี Safety Shield ระดับการชาร์จไฟของรถ และพลังงานที่เหลืออยู่ รวมถึงระบบเสียง และข้อมูลระบบนำทาง

       ความสะดวกสบายและความเงียบของนิสสัน ลีฟ ใหม่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แม้ในความเร็วบนทางด่วน ห้องโดยสารของลีฟ ใหม่ยังคงรักษาความเงียบแรงเสียดทานที่ลดลงการยกระดับระบบอากาศพลศาสตร์และการปรับแต่งภายนอกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนของลม มาตรการลดเสียงรบกวนอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพของความแข็งแกร่งของโครงสร้างอินเวอร์เตอร์ (inverter) และการป้องกันเสียงรบกวนบนโมดูลส่งต่อพลังงาน (PDM) รวมถึงการลดเสียงรบกวนจากตัวมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ว่าจะส่งแรงบิดและมีกำลังมากกว่าเดิม

       คอนโซลด้านหน้าได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ที่รองแก้วแบบคู่จัดวางตามแนวยาวที่นั่งระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าทำให้มีพื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นที่ฐานของคอนโซลกลาง ซึ่งเหมาะสำหรับการวางสมาร์ทโฟนหรือกระเป๋าสตางค์ รวมทั้งการใช้งานสวิตช์ไฟฟ้า ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์และพอร์ตยูเอสบีที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น เครื่องปรับอากาศและระบบทำความร้อนที่ประหยัดพลังงานช่วยเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร แม้ว่าความจุพลังงานของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะเพิ่มขึ้น  แต่ขนาดของแบตเตอรี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงดังนั้นห้องโดยสารจึงรองรับผู้โดยสาร 5 คนได้อย่างสบาย นอกจากนี้พื้นที่วางสัมภาระด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่มากขึ้น โดยมีความจุ 435 ลิตร (VDA) พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีการเอาส่วนนูนออกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งาน พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังสามารถเก็บกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ หรือกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง หรือกระเป๋าสัมภาระพกพาขึ้นเครื่อง 3 ใบ 

     สีสันใหม่ ตอบโจทย์รสนิยมของลูกค้า  นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีวางจำหน่ายในสีแบบทูโทนภายใต้ตัวถังสีขาว Brilliant White Pearl และด้านบนหลังคาสีดำ Super Black สำหรับการตกแต่งภายในออกแบบให้มีความสะอาดตา ใช้สีดำล้วนช่วยให้บรรยากาศเรียบหรูและเดินเส้นสายสีน้ำเงินที่เบาะนั่งการออกแบบภายในสีดำล้วนช่วยให้บรรยากาศเรียบหรู ยกระดับความสง่างามด้วยการใช้เบาะที่นั่งสีอ่อน ตัดกันกับสีเทาเข้มของคอนโซลกลาง แผงหน้าปัดส่วนล่างและบน และพวงมาลัย ทำให้บรรยากาศโดยรวมเบาสบายและโปร่งสบาย

ข้อมูลจำเพาะของนิสสัน ลีฟ ใหม่ (รุ่นวางจำหน่ายในประเทศไทย)

ภายนอก ความยาวของตัวรถ (มม.) 4,480

ความกว้างของตัวรถ (มม.) 1,790

ความสูงของตัวรถ (มม.) 1,540

ฐานล้อ (มม.) 2,700

ความกว้างระหว่างล้อ คู่หน้า/คู่หลัง (มม.) 1,530/1,545

ความสูงจากพื้นรถ (มม.) 150

สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.28

ยางรถยนต์ 215/50R17 91V

พื้นที่เก็บสัมภาระ 435 ลิตร

น้ำหนัก / ความจุ

ความจุ

5 ที่นั่งผู้โดยสาร น้ำหนักสุทธิของรถ 1,523 กิโลกรัม

แบตเตอรี่ ประเภท แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน

ความจุ กิโลวัตต์ชั่วโมง

มอเตอร์ไฟฟ้า

ชื่อ EM57

กำลังขับสูงสุด 110 kW (150 ps)/3283~9795 rpm

แรงบิดสูงสุด 320 N・m (32.6 kgf・m)/0~3283 rpm

สมรรถนะ ระยะทางที่สามารถขับขี่ได้ 311 กิโลเมตร (NEDC)

การชาร์จแบบปกติ (เวลาในการชาร์จ) 12 ชั่วโมง (3.6 kW)  6 ชั่วโมง (6.6 kW) 

เวลาในการชาร์จ จากระดับแจ้งเตือนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ (การชาร์จแบบเร็ว)  40 นาที

 

 

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2