• 31 สิงหาคม 2018 at 00:07

CARAVAN ISUZU 2018

เว้-ดานัง เช็คอิน “บาน่า ฮิลล์” ณ ประเทศเวียดนาม 

          “อีซูซุ คาราวานสัญจร 2018” คาราวานท่องเที่ยวเส้นทางที่ 3 : ไทย (มุกดาหาร) – เวียดนาม (บาน่า ฮิลล์)นำสมาชิกอีซูซุ 29 คันจากทั่วประเทศ และคณะสื่อมวลชนรวมกว่า 100 ชีวิต เดินทางสัมผัสประสบการณ์ในแบบคาราวานท่องเที่ยวทางรถยนต์สู่เวียดนามตอนกลางเว้-ดานังระยะทางไป-กลับกว่า 1,000 กม. ชมวิถีชีวิตและโบราณสถานเก่าแก่ที่ห้ามพลาดของเมืองเว้ ก่อนไปตะลุยเมืองตากอากาศแสนสวย “บาน่า ฮิลล์” เดินชม “สะพานสีทองบนมือยักษ์” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ล่าสุดในเมืองดานัง

         เราเริ่มต้นการเดินทาง ณ บริษัท ตังปักอำนาจเจริญ จำกัด (สาขามุกดาหาร) โดยมีคุณปานทอง สระคูพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร คุณสุริยัน โสรินทร์ รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม มร.อาร์ ซากาโนะ ผู้จัดการอาวุโส ในฝ่ายขายดีลเลอร์บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วย อาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการจัดคาราวาน ร่วมให้การต้อนรับและตีธงปล่อยขบวนรถอีซูซุ คาราวานสัญจรทั้ง 29 คัน

            เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 ซึ่งเชื่อมระหว่างจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทยกับแขวงสะหวันนะเขตของสปป.ลาววิ่งไปบนถนนหมายเลข 9 ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวตะวันออกและตะวันตก (East-West Economic Corridor) เป็นถนนสายเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโดจีนระหว่างประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศเวียดนาม (เมืองดานัง) ก่อนข้ามด่านแดนสวรรค์-ลาวบาวเพื่อเข้าสู่ที่พักคืนแรกในเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม ในช่วงบ่าย  พอมีเวลาได้เดินชมเมืองเว้ก่อนร่วมงานเลี้ยงแสนอบอุ่นในสไตล์อีซูซุในมื้อค่ำ

             เช้าวันที่สอง คณะคาราวานอีซูซุออกเดินทางอีกครั้งจุดหมายแรกเราจะได้ท่องเที่ยวกันใน “เมืองเว้” เมืองมรดกโลกที่ยังมีร่องรอยของประวัติศาสตร์ และความเก่าแก่แบบคลาสสิกและไม่พลาดเลยถ้ามาถึงเมืองเว้แล้วไม่ไปชม"พระราชวังต้องห้าม” (Imperial Enclosure) พระราชวังแห่งนี้ ได้ตกทอดความยิ่งใหญ่และสวยงามของราชวงศ์เหวียน  สร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อของจีน ซึ่งในสมัยก่อนพื้นที่นี้ถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ด้วยเป็นสถานที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหวียนแห่งเว้ทั้ง 13 พระองค์ ระหว่างปี พ.ศ. 2345-2488  โดย "จักรพรรดิยาลอง" เป็นปฐมกษัตริย์แห่งเมืองเว้ เป็นผู้สถาปนานครแห่งนี้ขึ้น ส่วนกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ"พระเจ้าบ๋าวได๋"ซึ่งทรงสละราชบัลลังก์ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นเวียดนามในปัจจุบัน 

            จากนั้นเราไปเที่ยวต่อกันที่ "วัดเทียนหมุ" (Thien Mu) ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นหนึ่งในความคลาสสิก ทั้งจากศิลปะอันวิจิตรตรงประตูทางเข้า รวมถึงความสูงหลายสิบเมตรของเจดีย์ทรง 8 เหลี่ยม 7 ชั้น สูง 21 เมตร นับเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาทางพุทธศาสนานิกายเซน ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1601 หรือ 417 ปีมาแล้ว 

           ปิดท้ายเมืองเว้ที่  "สุสานจักรพรรดิไคดิงห์" (Tomb of Khai Dinh) ที่ได้ชื่อว่ามีความยิ่งใหญ่สวยงามเหนือบรรดาสุสานจักรพรรดิทั้งหมด และเป็นเพียงสุสานเดียวที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออก-ตะวันตกได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มีบันไดทางขึ้นถึง 127 ขั้น เป็นบันไดมังกรพาขึ้นไปสู่ลานชั้นหนึ่ง ส่วนลานชั้นสองเรียงรายด้วยรูปปั้นหินของช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือน กลางลานมีแผ่นจารึกเขียนด้วยอักษรจีน ด้านบนสุดเป็นที่ตั้งของสุสาน มีรูปปั้นสำริดเท่าองค์จริงของพระเจ้าไคดิ่งเป็นศูนย์กลาง ภายในสุสานชั้นในมีการตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องเคลือบสีซึ่งรับอิทธิพลมาจากจีน หลายจุดทำเป็นรูปมังกร หนึ่งในชิ้นงานโดดเด่น คือ งานเขียนสีรูปมังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่บนเพดานห้องโถงที่ศิลปินใช้เท้าในการเขียนภาพ   

            หลังรับประทานอาหารกลางวัน คาราวานอีซูซุได้เดินทางต่อจากเมืองเว้ไปยังเมืองดานัง เพื่อไปยังจุดหมายสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ นั่นคือ “บาน่า ฮิลล์” (Bana Hills) ในอดีตเป็นเมืองตากอากาศที่โดนทิ้งร้างหลังจากชาวฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามกลับประเทศไปในช่วงปี ค.ศ.1945 และได้รับการบูรณะใหม่ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยสดงดงาม และมีชีวิตชีวาอีกครั้งในปี ค.ศ. 2009  การที่เราจะขึ้นไปด้านบนของยอดเขานั้นเราจะต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกโดยกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดส์ว่า เป็นกระเช้าที่มีระยะทางยาวและสูงที่สุดในโลก คือ ยาวมากถึง 5,801 เมตร และสูงถึง 1,368 เมตร ซึ่งทุกคนได้ชื่นชมกับสุดยอดวิวทิวทัศน์ของเมืองดานังในแบบพาโนรามาระหว่างทางนั่งกระเช้า เมื่อใกล้จุดหมายปลายทางจะมองเห็นยอดปราสาทอยู่ลิบ ๆ เหมือนเมืองในเทพนิยาย โดยเข้าพักกันที่โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่ตึกสวยของหมู่บ้านฝรั่งเศส ล้อมรอบด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก

          และที่ทุกคนไม่ยอมพลาดคือ  “Golden Bridge” สะพานสีทองบนมือยักษ์ตั้งอยู่ริมหน้าผาสวยอลังการ แลนด์มาร์กใหม่ของเมืองดานังที่เพิ่งเปิดให้ชมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้กลายเป็นที่สนใจบนโลกออนไลน์อย่างมาก เราต้องไม่พลาดซึ่งในวันที่ไปถึงนักท่องเที่ยวจะเยอะมากๆอาจจะยืนถ่ายรูปคู่กับมือยากหน่อยแต่เนื่องจากเราได้นอนพักกันบนนี้ 1 คืน ก็เลยมีโอกาสเดินกลับไปถ่ายรูปในตอนเช้าอีกครั้งคราวนี้ได้รูปสวยสมกันกันเลยค่ะนอกจากสะพานมือแล้วยังมีจุดท่องเที่ยวกระจายโดยรอบ อาทิ พระพุทธรูปใหญ่สีขาวบนยอดเขา  สวนสนุก Fantasy Park  ที่มีเกมและเครื่องเล่นสำหรับทุกวัยให้เลือกสนุกกันอีกด้วย

สาย ๆ ของวันถัดมาถึงเวลาของการอำลาหมู่บ้านแสนสวยบนบาน่า ฮิลล์ สมาชิกคาราวานอีซูซุ ได้เยี่ยมชมและสักการะ วัดเจ้าแม่กวนอิมลิ่งอึ้ง (Chua Linh Ung) โดยมีเจ้าแม่กวนอิมองค์สีขาวในท่ายืนถือแจกันโปรยน้ำทิพย์ประทานพร ประดิษฐานด้านหน้าวัดที่หันออกสู่ทะเล  มีความสูง  67 เมตรหรือเท่าอาคาร 30 ชั้น ถือได้ว่าเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ขึ้นชื่อมากในการขอพรเรื่องสุขภาพ การทำมาค้าขาย ความปลอดภัย         และเรื่องการมีบุตร  ภายในบริเวณวัดเจ้าแม่กวนอิมลิ่งอึ้งเรายังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเว้แบบ 180 องศาได้อย่างชัดเจน

          เราเดินทางจากเมืองเว้มาถึงเมืองฮอยอัน เมือง "ฮอยอัน"  เป็นเมืองมรดกโลกแห่งวัฒนธรรมเมื่อเราได้เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตและเมืองเก่าอายุนับพันปีแห่งนี้เวลา 1 วันอาจไม่เพียงพอซะแล้วค่ะ ฮอยอันเป็นเมืองที่นักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกที่มาเยือนเวียดนาม ต่างเลือกฮอยอันเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว เพราะเสน่ห์ของตึกเก่าสไตล์โคโลเนียลวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวเมืองฮอยอัน เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเที่ยว

          ต้องบอกก่อนนะว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเมืองฮอยกันกับเวลาที่น้อยนิดที่เราจะได้เดินเที่ยวชมบ้านเมืองเก่าในย่านนี้แต่ก็จะใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุดล่ะกัน เริ่มต้นด้วยไปชมสะพานญี่ปุ่นกันก่อนเพราะถือว่าเป็นจุดไฮไลท์ที่หนังไทยของเราเรื่องหนึ่งเคยมาถ่ายที่สะพานแห่งนี้ทำให้คนไทยเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องมาถ่ายรูปคู่สะพานเก็บไว้ว่าเรามาถึงฮอยอันแล้วนะ ลืมบอกไปว่าสำหรับการมาเที่ยวชมเมืองฮอยอัน สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ การซื้อบัตรเข้าชมเมืองเก่าบริเวณหัวถนนตรันฝู ภายในบัตรนั้นเราสมารถเข้าชมได้ 5 สถานที่ภายใน 1 วัน จะเลือกเดินเท้าเข้าชมเมือง เช่าจักรยาน

          หรือใช้บริการของสามล้อถีบก็ได้นะ แต่กลุ่มเราเลือกเดินเท้าชมเมืองเพราะถนนสายหลักมีไม่กี่เส้นไกด์บอกว่าเดินวันเดียวก็น่าจะครบแต่เรามาช่วงเย็นแล้วจึงต้องเลือกเดินชมจุดไฮไลท์ก่อนแล้วจึงเดินเล่นต่อไปเรื่อยจนถึงเวลานัดหมายน่าเสียดายถ้ามีเวลามากกว่านี้เราคงได้เดินถ่ายรูปและช้อปปิ้งสินค้าราคาประหยัดไปพร้อมกันเลย แต่ว่าไปแล้วขนาดเวลาไม่ค่อยมีคณะของเราก็ได้ของติดไม้ติดมือกันมาเพียบเลยนะคะ 

          ถือเป็นการจบทริปการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านที่สามารถขับรถไปเที่ยวได้แบบสบาย ๆ อย่างสวยงาม ปีหน้านั้นอีซูซุจะพาคณะคาราวานไปเที่ยวประเทศอะไรรอ ติดตามกิจกรรม “อีซูซุคาราวานสัญจร 2019” ความสุข สนุกสุด...ฉุดไม่อยู่ ได้ทางเว็บไซต์ www.isuzu-tis.com

Story : Nirada Photo : Nirada

 

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2