• 29 มิถุนายน 2018 at 12:21

New Civic 2.0

ใหม่สุด สดที่สุด ในคลาส

       ปีที่แล้วภัยธรรมชาติต่างๆ สร้างความเสียหายให้กับคนทั่วประเทศเป็นอย่างมาก รวมถึงภาคอุตสาหกรรมก็โดนผลกระทบเข้าอย่างจัง หนึ่งในนั้นเราคงพอทราบกันดี คือฮอนด้า แต่ไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นกู้สถานการณ์อีกครั้ง

       ในช่วงเวลาที่ผ่านโชคไม่ค่อยเข้าข้างฮอนด้าเท่าที่ควร โปรดักส์สำคัญที่ออกมากู้วิกฤติให้กลับมาอีกครั้ง คงหนีไม่พ้น ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ถึงแม้จะมาช้าไปสักหน่อยแต่ก็โอกาสดี เพราะรถในคลาสนี้ ถือว่ายังไม่มีใครจะสดใหม่ได้เท่ากับเขา จึงไม่แปลกหากตัวเลขการจับจองเป็นเจ้าของจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้เรามีโอกาสได้นำเอารุ่น 2.0 ถือเป็นตัวสูงสุด มาทดสอบกันให้ได้รู้ถึงสมรรถนะและบางอย่างที่เปลี่ยนไปจะมากหรือน้อยเพียงใด

       สัมผัสได้ด้วยสายตาครั้งแรกเมื่อได้เจอตัวจริง ชัดเจนในเรื่องของเส้นสายการออกแบบ เปลี่ยนใหม่หมด เกือบทุกรายละเอียด เริ่มกันตั้งแต่กระจังหน้าดูบางลงและคมขึ้น มองดูคล้ายกับฮอนด้า ซิตี้ คาดทับด้วยโครเมี่ยมขนาดใหญ่คล้ายกับรุ่นพี่อย่างแอคคอร์ด สองเส้นล่างเป็นเส้นเล็ก ทั้งหมดนี้อาจเป็นการพัฒนาโดยนำเอา ส่วนดีของแต่ละรุ่นมารวมกัน ไฟหน้าเรียวรับกันกับฝากระโปรง ใช้เป็นแบบซีนอน สปอยเล่อร์ด้านล่างฝั่งไฟตัดหมอกมาให้แล้วครอบทับด้วยกรอบโครเมี่ยมดูให้รู้ว่าเป็นหนุ่มมาดเข้ม ชายของตัวรถด้านข้างทั้งสองข้างไม่มีสเกิร์ตมาให้ มองเลยมาถึงด้านหลัง ส่วนท้ายดูกลมมนไฟไม่ใหญ่เหมือนรุ่นเก่า ที่เคยผ่านการปรับโฉมมาถึงสองรอบ พอมาถึงรุ่นนี้แทบไม่เห็นส่วนคล้ายของเดิมแม้สักนิด ไฟท้ายเป็นทรงสามเหลี่ยมขั้นกลางด้วยไฟเลี้ยว ถามว่าดูขัดตาหรือเปล่าในช่วงแรกใช่ เพราะความรู้สึกคล้ายกับซิตี้ปรับโฉม แต่เชื่อว่าไม่นานนับจากนี้เราจะได้เห็นว่าฮอนด้า ซีวิค ใหม่ จะวิ่งกันเกลื่อนถนนแต่ดูให้ดีนะว่าซิตี้หรือซีวิค...

       จากภายนอกสู่ภายในเราขอไล่ไปตามสิ่งที่เห็น สิ่งแรกคือความเข้มสไตล์สปอร์ต ตามเซ็กเม้นท์ของรถประเภทนี้ โดยหวังเจาะกลุ่มวัยรุ่นวัยกำลังทำงาน เบาะหนังสีดำอารมณ์สปอร์ตในรุ่นนี้ พวงมาลัยแบบสามก้านเล็กและเบากว่าเดิม ส่วนปุ่มฟังก์ชั่นซ้ายขวามีการดีไซน์ใหม่เล็กน้อยด้านใต้ของพวงมาลัยมีก้านสำหรับยกเพื่อรับหรือวางสายโทรศัพท์ เกียร์ไม่ต่างจากเดิม เช่นเดียวกันกับช่องเก็บของตรงกลาง ส่วนบริเวณคอนโซนเปลี่ยนใช้วัสดุที่มีลักษณะพิเศษ ดูมีระดับในการออกแบบ ทางฝั่งเรือนไมล์และรอบเครื่องยนต์แยกออกจากกันผมขอเรียกเป็นสองชั้นแล้วกัน เพราะชั้นบนเกจ์บอกความเร็วและการทำงานของระอื่นๆ ด้านล่างบอกการทำงานของรอบเครื่องยนต์ ขอดีคือไม่ต้องละสายตาจากการมอง แต่อย่าลืมปรับความสว่างของแสงยามกลางคืนเพราะมันจะรบกวนสายตาไม่น้อยบางครั้งจนถึงขั้นรำคาญ ส่วนเครื่องเล่นวิทยุ CD รองรับแผ่น CD-Rs WMA และไฟล์ MP3 พร้อมช่อง AUX USB และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth (เฉพาะรุ่น 1.8E AT, 1.8E AT Navi และ 2.0EL Navi) มีระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ เน้นความรวดเร็วและง่ายดายในการเชื่อมต่อและสั่งการ

       สตาร์ทเครื่องลองขับ พอนั่งลงไปในเบาะรู้สึกได้ทันที ถึงความกระชับของเบาะ การจัดวางแขนไม่รู้สึกลำบาก รวมถึงพวงมาลัย ขนาดไม่ใหญ่โตแต่มันลงตัว น้ำหนักของพวงมาลัยเมื่อสตาร์ทเครื่องก็ไม่หนักเกินกว่ารุ่นก่อน ในขณะเดียวกันเมื่อเราใช้ความเร็วสูงขึ้นพวงมาลัยจากเบาอยู่ก็รู้สึกถึงความหน่วง ผมรู้สึกชอบขึ้นมาทันที ดูว่าการทำงานค่อนข้างจะสัมพันธ์กัน เมื่อเราต้องการความปลอดภัย ไม่ใช่ยิ่งขับเร็วยิ่งเบาขึ้นเป็นเช่นนั้นมันดูขัดแย้งกันเกินไป

       อีกสิ่งหนึ่งรู้สึกได้ว่าต่างจากรุ่นเดิม คือเรื่องของมุมมอง ถึงแม้จะการเพิ่มช่องระหว่างเสาเอแล้ว ความรู้สึกขัดสายตายังคงมีอยู่ กระจกมองข้างสำหรับคนสูง 170 ซม.รวมถึงมุมมองด้านข้าง แต่มันคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ระหว่างเส้นทางออกนอกเมือง เป็นโอกาสดีในการทำความรู้จักกับการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 EL AT Navi มันจะตอบสนองดีขนาดไหน เพียงเรากดคันเร่งลงไป พละกำลังขนาด 155 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ทำงานผสานกันอย่างรวดเร็ว ตอบสนองดีเกินคาด ความรู้สึกเมื่อคลิ๊กดาวน์ลงไปเหมือนกำลังขับรถคนละคัน หรือแม้กระทั่งในโหมดสปอร์ตสั่งการผ่านปุ่มหลังพวงมาลัยบวกลบ ช่วยให้การขับสนุกสนานมากยิ่งขึ้น สามารถตอบโจทย์ของคนรุ่นใหม่ที่ชอบความเร้าใจได้อย่างแน่นอน และความเร็วก็ต่อเนื่องขึ้นไปตามที่เราต้องการ อย่างไม่เสียอารมณ์

       ความประหยัดที่คุณเลือกได้ ในออฟชั่น ECON Mode ช่วยปรับแต่งค่าต่างๆ ของตัวรถให้มีความประหยัดน้ำมันในขณะขับขี่เพิ่มขึ้น ตลอดจนระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน (Eco Assist) ซึ่งจะแสดงผลบนแผงมาตรวัดเพื่อช่วยให้ผู้ขับมีการพัฒนาและรักษารูปแบบการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และประหยัดยิ่งขึ้นเมื่อรถรุ่นนี้สามารถเติมน้ำ E85 ได้ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงไปได้

       การยึดเกาะถนนทำได้ดีไม่แพ้กัน แม้จะอยู่ในความเร็วระดับไหนก็ยังมั่นใจได้ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็กฟอร์สันสตรัท และกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ เสริมด้วยเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและหลัง ทั้งลงตัวและมั่นใจได้ ส่วนในรุ่น 2.0 นี้จะเป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ ในรุ่น 1.8 จะเป็นล้อขนาด 16 นิ้ว

       เราใช้เวลาอยู่กับ เจ้าซีวิค 2.0 ใหม่คันนี้เกือบตลอดทั้งวันทำให้เราได้รู้จักถึงนิสัยของเขามากขึ้น กับราคาค่าตัว   2.0EL AT Navi 1,124,000 บาท ถือว่าเป็นรถที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย การตอบสนองของเครื่องยนต์ทำได้ดี ทั้งในเมืองและนอกเมือง ช่วงสับสนหาจุดจอดก็เช่นกันระบบนำทางค่อนข้างแม่นยำ กลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของฮอนด้า ได้สมใจอยากเพราะรอกันมานาน ตั้งแต่น้ำท่วมในที่สุดก็มีโฉมนี้ออกมา วันนี้ยอดจองพุ่งไปเยอะแต่เชื่อว่าหนนี้ฮอนด้าคงไม่ปล่อยให้รอนาน ตามโชว์รูมมีรถทดสอบให้คุณได้สัมผัสสอบถามรายละเอียดกันอีกครั้งเพื่อความถูกใจถึงที่สุด

ข้อมูลทางเทคนิค

มิติ (ยาว/กว้าง/สูง)  4,525/1,755/1,434 มม.

แบบเครื่องยนต์  เบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC  ความจุกระบอกสูบ 1,997 ซีซี.

กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที

เกียร์ อัตโนมัติ 5 สปีด ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์

ระบบกันสะเทือน

หน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท

หลังแบบมัลติลิงก์ เสริมด้วยเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและหลัง

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2