Story : Piyawat chitma
Photo : Vasin
Colorado centennial edition 2018
หล่อแบบอเมริกัน แข็งแรงดุดันพร้อมลุย 100 คันในไทย
การเดินทางยาวนานนับร้อยปีของเชฟโลเรต สะท้อนถึงการสืบทอดและพัฒนาไม่หยุดยั้งของค่ายรถยนต์จากฝั่งอเมริกัน
วันนี้ประสบการณ์แหงความสำเร็จได้ ส่งผ่านสู่ “โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น 2018”
โดยอาศัยแรงบันดาลใจมาจากรถกระบะรุ่นต่างๆของเชฟโรเลตที่ผ่านมา ผลิต 300 คันทั่วภูมิภาคอาเซียน ขายในไทย 100 คันเท่านั้น
มันคือความตื่นเต้นเมื่อคุณได้นั่งหลังพวงมาลัยของเชฟโรเลต โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น 2018 รถกระบะที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป้ฯการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ด้วยการออกแบบภายนอกที่เราเห็นมันคือความลงตัว ผู้ออกแบบต้องการเน้นสร้างความเรียบหรูบนพื้นฐานความแข็งแกร่งและบึกบึน ซึ่งผลลัพธ์ออกมาก็ทำได้ดีอย่างที่เห็น ในโฉมนี้ได้เสริมความหล่อมาเต็มพิกัดด้วยชุดแต่งสไตล์ออฟโรดรอบคัน เลือกใช้สติ๊กเกอร์สีดำตัดกับตัวรถก่อเกิดเป็นลายพิเศษสวยงาม ชุดกระจังหน้าเป็นสีเงินแต่คาดทับด้วยสติ๊กเกอร์แบบพิเศษรับกับโลโก้โบว์ไทสีดำพร้อมตัวเลข100 รวมถึง ตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบกระบะ 100 ปีด้านข้างประตูหน้า เพื่อให้รู้ว่านี่คือรุ่นพิเศษผลิตขึ้นในวาระที่เชฟโรเลตก่อตั้งมาครบ 100 ปีแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ใช่แค่นั้นเพราะว่า ใครที่ได้ครอบครองจะรู้สึกภูมิใจขึ้นไปอีกเพราะรถที่ผลิตแค่ 300 คันทั่วภูมิภาคอาเซียน แต่ขายในไทยขาย 100 คันท่านั้น ซึ่งใน 100 คันก็จะมีตัวเลขระบุเอาไว้ที่ข้างประตูว่ารถคันนี้เป็นรถคันที่เท่าไหร่
“เชฟโรเลต โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น (Chevrolet Colorado Centennial) คือรถกระบะรุ่นพิเศษ
ที่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นที่รำลึกในวาระครบรอบ 100 ปีของรถกระบะเชฟโรเลต พร้อมเฉลิมฉลองความสำเร็จในการเป็นผู้บุกเบิก
และสร้างนวัตกรรมของเชฟโรเลต” เชฟโรเลตกล่าวไว้
สีภายนอก ขาว Summit White สำหรับรุ่นไฮคันทรีและรุ่นแอลทีแซด และสีน้ำเงิน Blue Me Away Metallic สำหรับรุ่นแอลทีแซดเท่านั้นด้านหลังมี พื้นปูกระบะทั้งรุ่นไฮคันทรีและรุ่นแอลทีแซดดูแข็งแรง แล้วผมชอบมากคือสติกเกอร์สีดำรุ่นพิเศษด้านบนฝากระโปรงหน้า มันมาช่วยให้ภาพโดยรวมดูเปลี่ยนไปดูเข้มขึ้น แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าสติ๊กเกอร์นี้ไม่สามารถจะหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาดนะ เพราะเชฟโรเลตบอกว่าเขาสั่งทำขึ้นมาใหม่ผ่านหลายขั้นตอน มีความแข็งแรงทนทานแล้วก็ทนความร้อนได้ดีเป็นพิเศษเห็นว่าอยู่นานหลายปีโดยไม่ลอกไม่หดหรือพอง เหมือนกับสติ๊กเกอร์ทั่วไปแบบที่เคยเห็น ดุดันมากขึ้นกับชุดคิ้วล้อสีดำรับกับล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว สีดำ สปอร์ตบาร์รวมถึงแร็คหลังคา
เล่าย้อนกลับไปถึง 100ปีสักหน่อย เมื่อ 100 ปีที่แล้ว เชฟโรเลตเขาได้เริ่มผลิตรถกระบะคันแรก – แชส์ซีส์ ซีรีส์ 490 ไลท์ เดลิเวอรี่ (Series 490 Light Delivery)ในสหรัฐอเมริการถกระบะรุ่นดังกล่าวคือจุดเริ่มต้นของตำนานเชฟโรเลตที่สานต่อมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยการให้ความสำคัญกับคุณภาพและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเชฟโรเลตยังคงเดินหน้าพัฒนารถกระบะที่ตอบสนองความต้องการและความปรารถนาของลูกค้าทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เขาบอกว่าทุกวันนี้ยังสามารถพบเห็นรถกระบะเชฟโรเลตรุ่นเก่าๆ มากมายบนท้องถนน รถกระบะเหล่านี้ยังคงสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี สิ่งนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีเอ็มในการผลิตรถที่มีคุณภาพสูงหากยังแสดงให้เห็นถึงความนิยมต่อรถกระบะเชฟโรเลตที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานในภูมิภาคนี้
แล้วหลายคนก็สงสัยว่าแล้วรถกระบะของเชฟฯเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็เกิดขึ้นเมื่อ ปี 1999 ซิลเวอราโด 1500แอลที ซี71 (1999 Silverado 1500 LT Z71): รถกระบะรุ่นแรกที่ใช้ชื่อในตำนานอย่างซิลเวอราโดที่เปิดตัวพร้อมกับองค์ประกอบการดีไซน์ที่ทันสมัยต่างๆ มากมายที่ทำให้ลูกค้าผูกพันกับการออกแบบรถกระบะเชฟโรเลตมาจนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะรูปลักษณ์ด้านหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของเชฟโรเลตนอกจากนี้ยังมาพร้อมเฟรมรถกระบะแบบโมดูลาร์แบบสามชิ้นจึงมีความแข็งแกร่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า
ส่วนจุดเริ่มต้นของรถกระบะ โคโลราโด คือเริ่มในรุ่นปี 2003 (2003 Colorado)เป็นการเปิดตัวของรถกระบะในตำนานอย่างเป็นทางการยังจำได้ถึงวันทดสอบและวันงานที่ปิดเมืองใหญ่จัดสุดอลังการ โดยรุ่นนี้เชฟฯมีเป้าหมายสร้างนิยามใหม่และยกระดับมาตรฐานของรถกระบะขนาดกลางด้วยการรวมคุณสมบัติที่โดดเด่นต่างๆ อาทิ การออกแบบ ฟังค์ชั่น และศักยภาพการใช้งาน รถกระบะรุ่นนี้ผสานความสะดวกสบายของห้องโดยสารที่กว้างขวางแบบรถฟูลไซส์เข้ากับความสะดวกสบายในการขับขี่ของรถกระบะขนาดกลางได้ จึงเป็นรถกระบะเพื่อผู้ขับขี่อย่างแท้จริง โคโลราโด รุ่นปี 2003 คือรถกระบะโคโลราโดรุ่นแรกที่ผลิตในศูนย์การผลิตจีเอ็ม ประเทศไทย จังหวัดระยอง ในวันนั้นก็ได้รับการตอบค่อนข้างดี ด้วยผลงานการออกแบบที่แปลกตาแต่ดูเท่แบบอเมริกันสไตล์
เลยมาถึงปี 2015 เราจึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งโดยเน้นเรื่องความทันสมัยให้มีมากขึ้นกว่าเดิม แล้วก็มาปี 2017
เราก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงมาจนถึงโฉมปัจจุบันซึ่งหากมองย้อนไปถึงตั้งแต่รุ่นแรกเราก็คงจะเห็นได้ถึงความร่วมสมัย
แล้วมันออกเฉียบคมมาก แน่นอนนั่นหมายถึงว่าเขากำลังพร้อมลุยในตลาดรถกระบะเมืองไทยเพื่อขอแบ่งส่วนด้านการตลาด เช่นกัน
ห้องโดยสารประณีตทุกสัมผัสอารมณ์นั้นมันเกิดขึ้นเมื่อสัมผัสกับพวงมาลัย ที่แบบสามก้านมัลติฟังก์ชั่น แล้วถึงแม้จะเป็นอเมริกันสไตล์ก็ตาม ทว่าหน้าจอมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ของเขาแสดงผลภาษาไทยนะครับ ส่วนแผงควบคุมได้รับการออกแบบเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายและเหมาะสม แผงประตูประทับหมายเลขพิเศษเฉพาะสำหรับโคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่นทุกคัน แล้วโครงสร้างทั้งหมดคือสร้างขึ้นมาด้วยความแข็งแกร่งและทนทานเซฟตี้ กระจกระบบจะลดต่ำลงนิดนึงเมื่อปิดประตูทางเชฟฯโรเลตบอกว่าจะช่วยให้ปิดตูได้ง่ายขึ้น และยังมีการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ส่งผ่านแอปต่างๆระบบนี้ ทำงานร่วมกันกับระบบอินโฟเทนเมนท์เชฟโรเลต มายลิงค์ ระบบนำทาง (เฉพาะรุ่นไฮคันทรี่) นอกจากนี้ยังมีชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม ซึ่งการเชื่อมต่อต้องบอกว่าทำได้ง่ายดายและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝนเพื่อให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานโดยอัตโนมัติ
ที่มากไปกว่านี้ใน โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น ยังมีออปชั่นช่วยให้ผู้ขับรู้สึกว่ารถไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้นเช่น ระบบช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลังมีเซ็นเซอร์รอบคัน กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะปรับทิศทางได้ช่วยเหลือเราได้ดีเวลาเข้าห้างหรือต้องจอดในที่แคบ แล้วก็ยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning)ซึ่งสัญญาณจะตรวจจับเส้นจาราจรบนท้องถนนเมื่อเราเปลี่ยนเลนหรือแล่นทับเส้นจาราจรระบบจะเตือนทันทียกเว้นคุณเปิดไฟเลี้ยว ที่เป็นแบบนี้เพราะระบบจะเข้าใจว่าเราง่วงหรือหลับหากเราออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว แต่ถ้าหากว่าเริ่มรำคาญก็สามารถปิดระบบดังกล่าวได้กดปิดที่บริเวณคอนโซลกลาง
แล้วยังระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert) ขณะขับขี่ด้วยความเร็ว 40 กม./ชม.ขึ้นไป กล้องที่ติดตั้งอยู่บริเวณกระจกมองหลังจะวิเคราะห์ และประเมินระยะห่างของรถคันหน้าตลอดเวลา หากพบว่ารถเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไประบบฯจะส่งสัญญาณภาพ และเสียงเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบเพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เป็นระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามา แล้วที่ผมชอบอีกอย่างคือระบบตรวจสอบแรงดันลมยางมาให้ด้วย หากเป็นคนชอบเดินทางเข้าป่าหรือต้องเดินทางไกลระบบนี้จะช่วยเหลือได้มากทีเดียว หากลมยางล้อไหนเริ่มน้อยระบบจะเตือนทันทีให้เราตรวจสอบลมยางว่ามีเพียงพอหรือเปล่า
ด้านพละกำลังถ้าเป็นคนชอบความสนุกต้องตื่นเต้นตลอดมีพลังให้ใช้เหลือเฟือ ทุกครั้งเมื่อเรากดคันเร่งจะรู้สึกว่ารถพร้อมพุ่งไปข้างหน้าทันที เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ รหัส XLDE25 LP2 ยังคงถูกเลือกให้ประจำการเช่นเดิม มาพร้อมกับคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น และระบบเทอร์โบแปรผัน Variable Geometry Turbocharger (VGT) และอินเตอร์คูลเลอร์ นี่คือตัวแปรสำคัญช่วยให้เกิดการตอบสนองได้ทันที เครื่องยนต์เป็น 4 สูบแถวเรียง เพลาลูกเบี้ยวคู่เหนือฝาสูบ 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มี ความจุกระบอกสูบอยู่ 2,499 ซีซี กระบอกสูบ-ช่วงชัก 92:94 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 16.5:1 ส่วนกำลังแรงม้ามีมาให้ 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิด 440 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นแบบอัติโนมัติ 6 สปีด ตามข้อมูลอัตราทดอัตราทดเกียร์จะอยู่ที่เกียร์ 1-4.06, 2-2.37 , 3-1.55 , 4-1.16 ,5-0.85 , 6-0.67 และเกียร์ถอยหลัง 3.20
ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้มีความนุ่มนวลเวลาเดินทางปรกติแต่ถ้าหากว่าคุณอยากให้มันดุดันเมื่อไหร่พละกำลังทั้งก็พร้อมถ่ายทอดลงพื้นถนนทันทีเช่นกัน เป็นรถกระบะขับสนุกอีกรุ่นแล้วการเกาะถนนเราไม่รู้สึกต้องกังวลด้วยขนาดล้อด้วยระบบช่วงล่างที่เซ็ตมาดีทำให้เรามั่นใจมีความนุ่มแต่ไม่มีอาการโคลงชวนให้หวาดเสียว ด้านหน้าเป็นอิสระ ปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและช็อกอัพแก๊ส ด้านหลังแหนบรูปครึ่งวงรีและช็อกอัพแก๊ส ส่วนระบบห้ามล้อ ด้านหน้า: ดิสก์เบรก ขนาด 300 มม.พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลัง: ดรัมเบรก ขนาด 295 มม.มาพร้อมกับ หม้อลมเบรกขนาด 10.5 นิ้ว
เรื่องความปลอดภัย โคโลราโดรุ่นใหม่ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟและแพสซีฟ (ขึ้นอยู่กับรุ่น) ทั้ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค Anti-lock Braking System (ABS), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถลTraction Control System (TCS), ระบบช่วยเบรกกะทันหัน Panic Brake Assist (PBA), ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution (EBD), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC), ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ Anti-Rolling Protection (ARP), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control (HDC), ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชันHill Start Assist (HSA) และระบบความคุมเสถียรภาพขณะลากจูง (Trailer Sway Control) นอกจากนี้ยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตลอดจนถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่
สรุปความรู้สึกหลังอยู่ด้วยกันหลายวัน ถ้าเป็นเรื่องของความสนุกในการขับผมแถบไม่สงสัยกับเครื่องยนต์บล็อกนี้ เพราะที่ผ่านมาดูราแม็กซ์ก็ทำให้เรารู้สึกดี ขับสนุกตอบสนองได้ดีทั้งในรอบต่ำและในรอบสูง งานออกแบบทำได้ดีในรุ่นนี้มีความสปอร์ตและดุดันแฝงเอาไว้ เรียกว่าหล่อ โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น ปี 2018 มีทั้งหมด 4 รุ่น ราคาเริ่มต้น 8.14แสนบาท -1.03 ล้านบาท
***ลองสัมผัสด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ***
ข้อมูลเทคนิค
รุ่นรถ colorado centennial edition 2018
แบบตัวถัง PickUp 4D
มิติ(กว้าง xยาว x สูง มม.) 1,874 x 5,408 x 1,852
แบบเครื่องยนต์ ดูราแม็กซ์ 2.5 ลิตร 4 สูบ DOCH Variable Geometry Turbocharger (VGT)
รหัสเครื่องยนต์ รหัส XLDE25 LP2
ความจุ 2,499 ซีซี.
กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (hp) ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ 6 สปีด
พวงมาลัย แรคแอนด์พิเนียน พร้อมผ่อนแรงไฟฟ้า(EPAS)
ความเร็ว 0-100 กม./ชม. -
ความเร็วสูงสุด 180+ กม./ชม.(ประมาณ)
ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4x4 ล้อ
ช่วงล่าง หน้า อิสระ ปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและช็อกอัพแก๊ส
หลัง แหนบรูปครึ่งวงรีและช็อกอัพแก๊ส
ขนาดล้อหน้า 265/60 R18
ขนาดหล้อหลัง 265/60 R18
ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์เบรก/ดรัมเบรก
ผู้จำหน่าย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย
เว็บไซต์ www.chevrolet.co.th
ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2