• 29 มิถุนายน 2018 at 12:15

                NEW SUZUKI SWIFT2018

                "ออกแบบใหม่ไฉไลกว่า โครงสร้างพัฒนาขึ้นแตกต่างจากจากเดิมอย่างสิ้นเชิง"

           Story:Piyawat Chitma Photo:Tong

                ซูซูกิไม่รอช้าเพื่อให้เกิดอีโคคาร์เฟส2 ภายใต้เงื่อนไขของรัฐบาล ด้วยความเชี่ยวชาญด้านรถเล็ก จึงไม่ใช่เรื่องยากในงานพัฒนาด้านดีไซน์ภายนอกและภายใน เครื่องยนต์ 1.2 แต่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ DUALJET ช่วยให้ประหยัดมากถึง 23.0 กม./ลิตร และแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT แข็งแรงมากขึ้น

                ซูซูกิ สวิฟท์ใหม่ ในเจเนอเรชั่นนี้นับเป็นรุ่นที่ 3 ซึ่งทั่วโลกผู้บริหารบอกว่าสวิฟท์นับเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญค่าย มียอดขายเป็นที่น่าพอใจซึ่งการันตีได้จากรางวัลต่างๆเช่น RJC Car of the Year 2018 จากการคัดเลือกโดยสถาบันนักวิจัยและผู้สื่อข่าวยานยนต์แห่งญี่ปุ่น โฉมแรกเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.2004 โดยได้ผลิตแบบซีดานออกมาด้วยมีเครื่องยนต์ 2ขนาดคือ1.3 ลิตร 92แรงม้า และ1.5ลิตร 102แรงม้า รุ่นที่เข้ามาประเทศเรามีแค่ขนาดเครื่องยนต์เดียวคือ 1.5 ลิตร ตอนนั้นต้องนำเข้ามาเพราะสวิฟท์รุ่นดังกล่าวประกอบรุ่นนี้มีการประกอบในประเทศจีน ,ฮังการี ,อินเดีย ,อินโดนีเซีย ,ญี่ปุ่น ,มาเลเซียและปากีสถาน ถัดมาในปี ค.ศ.2012 ได้เวลาของเจเนอร์เรชั่น2 ได้ผ่านการอนุมัติเป็นอีโคคาร์เฟสแรกโดยสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทอร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง ในชื่อ บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเตอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด) จำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมามีให้เลือก 3 รุ่น คือ GA GL GLX และรุ่นพิเศษประจำปี Green Color , GLX Limited , RX , Sai และ RX-II ใช้เครื่องยนต์ 1,242 ซีซี. 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมเกียร์ CVT ทำให้ผ่านข้อกำหนดของอีโคคาร์ มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 20 กม./ลิตร ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซูซูกิได้เริ่มทำตลาดสวิฟท์ในรุ่นเกียร์ธรรมดาในรุ่น GA และ GL

                มาถึงในปีนี้ ค.ศ.2018 ได้เวลาของสวิฟท์ใหม่ถึงแม้จะวิ่งทดสอบอยู่นาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในเมื่อมีเงื่อนไขของอีโคคาร์เฟส 2 เข้ามาเกี่ยวข้องดังนั้น ทีมวิศวกรไม่ได้มีเงื่อนไขแค่การเปิดตัวรถใหม่เท่านั้นทว่ายังต้องปรับปรุงแก้ไขในรายละเอียดเพื่อให้ สวิฟท์ใหม่อยู่ในเงื่อนไขดังกล่าวทั้งเรื่องประหยัดมากขั้น ความปลอดภัยสูงขึ้น ปล่อยไอเสียต่ำกว่าเดิมรวมถึงเงินลงก็มากขึ้นเช่นกัน แต่นั้นไม่เป็นปัญหาเมื่อเวลาเดินทางมาถึง คิวของ สวิฟท์ใหม่ก็ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการ โดยไม่มีเงื่อนไขเขามาในมาดใหม่ในทุกมิติไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้ได้เห็น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโครงสร้างออกแบบใหม่ โดยมาในชื่อ HEARTECT ซึ่งออกแบบมาให้มีความแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิมและปลอดภัยมากตามสเปคของอีโคคาร์เฟส2

                จะว่าไปแล้ว สำหรับ ซูซูกิ สวิฟท์ ถือว่าชื่อชั้นไม่ธรรมดาเพราะได้รับความสนใจตั้งแต่เฟสแรกมียอดจำหน่ายได้เกินความคาดหมายด้วยดีไซน์ที่โดนตาโดนใจสมรรถนะก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นเรื่องเหล่านี้ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับคนที่เคยใช้ก็บอกว่ารถดีใช้ได้ วันทดสอบแบบกลุ่มสื่อฯมวลชนเดินทางไปเกือบครบ วันนั้นได้ยินได้หลายสื่อฯบอกว่าขับดีมาก สำหรับผมอาจไม่ยังไม่เชื่อเต็มร้อย ขอลองขับก่อนดีกว่าจะได้พูดแบบไม่เคอะเขิน

                ซูซูกิ สวิฟท์ โฉมนี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ปลายปี ค.ศ. 2016 จากนั้น ก็ได้เปิดตัวเวอร์ชันส่งออกสู่ตลาดโลกอย่างเป็นทางการ ในงาน Geneva Auto Salon เมื่อวันที่ มีนาคม ค.ศ.2017 ก่อนจะเริ่มทยอยออกไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ ในดีเดียวกันแล้วนอกจากรุ่นธรรมดาแล้ว ยังมีสวิฟท์สปอร์ต ซึ่งเป็นรุ่นสมรรถนะสูงกับขุมพลังเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร Turbo เปิดตัวในงาน แฟรงก์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ ที่ประเทศเยอรมนี ก่อนจะส่งไปเปิดตลาดที่ญี่ปุ่นในงาน โตเกียวมอเตอร์โชว์ 2016 แล้วก็มาถึงเมืองไทยเมื่อกุมภาพันธ์ ค.ศ.2018 นั่นคือความเป็นมาของโฉมนี้

                แล้วเราก็รอจังหวะอยู่นานกว่าซูซูกิจะมีคิวว่างให้เราได้นำมาทดสอบกัน รุ่นที่เรานำมาทดสอบเป็นรุ่นสูงสุดในไลน์การผลิต GLX-Navi CVT สีเทามันก็ดูแปลกตาออกไปแต่ถึงอย่างไรเราก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างออกไปจากสวิฟท์โฉมก่อนหน้านี้แน่นอน สิ่งแรกเลยคือเรื่องของมิติตัวรถมองรอบคันทุกมุมแล้ว สวิฟท์ใหม่จะมีความกว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย การลากเส้นสายรอบคันนั้นไม่เน้นความโค้งมนจากด้านบนเหมือนรุ่นก่อน ทว่าสวิฟท์ใหม่นี้ดูขยายด้านข้างออกทรงจะดูแบนกว่ารุ่นเดิม โดยฝ่ายออกแบบมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่สร้างสรรค์ผลงานนี้ให้ต่างออกไปจากเดิม

                เราจะเห็นว่านี่คืองานออกแบบใหม่ทั้งหมดได้พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “INNOVATION – Fun & Sporty”ทำให้สวิฟท์ใหม่ มีความโดดเด่นมากขึ้น เติมความสปอร์ตด้านบริเวณด้านด้วยเส้นสีแดงลากขวางบริเวณกระจังหน้าแบบรวงผึ้ง ไฟหน้าดวงใหญ่ไฟหน้า LED Projector และไฟหลัง LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบLED ดูเฉียบคมมากขึ้น ต่างจากรุ่นก่อนที่เป็นไฟแบบแนวยาวตามตัวรถ สปอยเล่อร์หน้าทั้งสองมุมซ้าย-ขวามีไฟตัดหมอกมาให้กระจกมองข้างมาพร้อมไฟเลี้ยว มองเลยไปทางด้านหลังมือเปิดประตูไม่ได้ติดอยู่ที่บานประตูแต่ตำแหน่งติดตั้งอยู่ติดกับเสาซีพลางสายตาด้วยสีดำเป็นแบบเดียวกับรถสปอร์ต เติมอารมณ์สอปร์ตให้ดูหล่อกับสปอยเล่อร์ด้านหลังบนหลังคาพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม เสาอากาศยังใช้แบบเดิมซึ่งส่วนตัวผมคิดว่ามันดูขัดแย้งกับตัวรถน่าจะให้เป็นแบบครีบฉลามมาให้ น่าจะดูสปอร์ตมากว่านี้ใครไม่ชอบคงต้องไปเลือกซื้ออุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเอาเอง

                มิติของตัวรถซึ่งความสูงอยู่ที่ 1,495 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร ทำให้ ซูซูกิ สวิฟท์ใหม่ มีความสปอร์ตและดูปราดเปรียวมากขึ้น ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 16 นิ้วลายใหม่ดูเข้ากันกับตัวรถ โดยรวมแล้วภายนอกออกแบบมายังมีกลิ่นอายแบบยุโรปเหมือน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดทางฝั่งยุโรปก็สำคัญเหมือนกัน

                อีกเทคโนโลยีใหม่ได้ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่คือแพลตฟอร์ม Heartect มีส่วนสำคัญทำให้รถมีสมรรถนะที่ดีขึ้น และยังมีการออกแบบโครงสร้างใต้ตัวถังและมีการจัดวางส่วนประกอบใหม่ทั้งหมด  ตัวถังใหม่นี้ผู้ออกแบบยืนยันว่ามันมีน้ำหนักเบากว่าในรุ่นปัจจุบันถึง 41% แถมแข็งแรงขึ้น และมีความปลอดภัยมากอีกด้วย โดยมีความยาวและความสูงที่ลดลง 10 มิลลิเมตร แต่ความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้นไปอีก 20 มิลลิเมตร ทำให้พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้น และมีเนื้อที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มขึ้นอีก 25% เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน แล้วโครงสร้างใหม่นี้ยังช่วยให้มีความคล่องตัวสูงขึ้นทั้งในทางตรงและทางโค้ง รวมถึงระยะเบรกก็สั้นลงกว่ารุ่นก่อน ส่วนวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 4.8 เมตรเท่านั้น ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ซูซูกิเขาตั้งใจพัฒนาขึ้นมา

                ส่วนห้องโดยสารเราคิดว่าน่าจะแคบอาจเป็นเพราะภายนอกดูแล้วเตี้ยกว่ารุ่นก่อน แต่เมื่อเปิดประตูแล้วลองนั่งภายในความรู้สึกไม่เป็นเช่นนั้น ห้องโดยสารดูกว้างถ้าหากเรามองตัวเลขเป็นทางการเขาบอกว่าความสูงอยู่ที่ 1,495 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 40 มิลลิเมตรเป็นผลมาจากการขยายฐานล้อ ดังนั้นอย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเราเห็นต้องดูข้อมูลเทคนิคอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกบอกตามตรงรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันเมื่อเข้าไปนั่งแล้วไม่รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งเป็นผ้าคู่หน้าทรงสปอร์ตผมรู้สึกชอบเป็นรถอีกโคคาร์ที่ไม่ประหยัดพื้นที่เบาะ รู้สึกโอบกระชับลำตัวดีปรับระยะง่าย รวมถึงพวงมาลัยด้วยไม่ใช่ปรับแค่สูงต่ำเท่านั้นแต่ยังปรับระยะไกล-ใกล้ได้ เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ด้านหลังได้อีกแต่ขอบประตูหลังยังรู้สึกสูงมากเกินไปเวลายกของใส่รู้สึกลำบากเหมือนกัน

                พวงมาลัยเป็นแบบ D-Shape หรือแบบที่เรียกกันว่าท้ายตัด ซึ่งเป็นแบบเดียวกันแบบรถสปอร์ต ข้อดีคือช่วยเพิ่มเนื้อที่ระหว่างขากับพวงมาลัยให้มากขึ้นกว่าเดิม รูปทรงเป็นแบบสามก้านเล็กไม่ใหญ่เกินไป มาพร้อมกับระบบมัลติฟังก์ชั่นต่างๆ ด้านซ้ายบนบริเวณนิ้วโป้งสำหรับควบคุมชุดเครื่องเสียงและดูโหมดการขับ ด้านล่างสำหรับรับสายและวางสายโทรศัพท์และสั่งการด้วยเสียงทำงานร่วมกับApple CarPlay ส่วนด้านขวาเป็นชุดควบคุมครูสคอนโทรลหรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างเมื่อเราอยู่ในห้องโดยสารคือความเงียบจัดอยู่ในระดับเอ เมื่อเทียบกับพิกัดรถเก็บเสียงค่อนข้างดีเพราะเขามีระบบ NVH ช่วยลดแรงเสียดทานและลดเสียงลมที่จะเล็ดลอดเข้ามาให้พื้นที่ห้องโดยสารได้

                อุปกรณ์อำนวยความสะดวกบนแผงคอนโซลกลางด้านหน้าเบนเข้าหาคนขับเพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น มาตรวัดสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดงตัดกับสีเงิน พร้อมจอแสดงข้อมูลขับขี่แบบ LCD ในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับจอสัมผัส Suzuki Smart Connect ขนาด 7 นิ้ว ที่ควบรวมระบบนำทางที่แม่นยำ กับฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth พร้อมโปรแกรมสุดล้ำ Apple CarPlay สำหรับ iOS เจ้าระบบนี้มันก็ใช้งานได้ง่ายมากมีข้อแม้ต้องเสียบสายเชื่อมต่อเท่านั้นแล้วก็ต้องปิดการเชื่อมต่อแบบบลูทูธเพียงเท่านี้ก็ใช้งานได้ทันที ถ้าหากดูหน้าผมว่าน่าจะปรับให้ดูทันสมัยมากขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย  แอร์อัตโนมัติมีที่วางของมาให้ค่อนข้างเยอะ

                ด้านขุมพลังนั้นซูซูกิได้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12M 4 สูบ DOHC 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี. ระบบหัวฉีดคู่ Dual Jet กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 73.0 x 71.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.5 : 1 กำลังสูงสุด 83 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที หัวฉีดแบบคู่แม่นยำและละเอียดกว่าเดิมการเผาไหม้ทำได้ดีขึ้นจะส่งผลโดยตรงต่ออัตราประหยัดเชื้อเพลิง และเพื่อให้ค่าไอเสียต่ำไม่ทำร้ายโลกระบบจะดูดเอาไอเสียหมุนเวียนกลับเข้ามาเผาไหม้อีกครั้งเพื่อลดมลพิษ แล้วเครื่องยนต์บล็อกนี้จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT

                เมื่อลองขับเดินทางกันจริงๆ คิดว่าน่าสนใจถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กแต่เมื่อลองกดคันเร่งเพื่อเร่งแซง เรารู้สึกถึงความนุ่มนวลของเกียร์ทำงานได้ดีเสียงรบกวนหรือเสียงเครื่องยนต์ไม่ได้มากอย่างที่คิด อัตราเร่งก็ทำได้ดีตามที่เราคิดแล้วอาจดีกว่าด้วยสักหน่อยด้วยซ้ำไปถ้าอยากให้ทันใจก็ดึงเกียร์ลงมา S จะช่วยปรับทดรอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นเพื่อจะได้ตอบสนองได้รวดเร็วทันที ผมพอดีแล้วครับในเรื่องของความแรง การทรงตัวเราต้องยกนิ้วระบบช่วงล่างทำงานซับแรงกระแทกเอาไว้ทั้งหมดด้านหน้าแม็คเพอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริง หลังเป็นทอร์ชั่นบีมพร้อมคอยล์สปริง

                เรื่องความปลอดภัยสวิฟท์ใหม่จัดเต็ม ระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง ระบบ ABS/EBD ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย) และยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ IDLING STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบ Hill Hold Control ที่จะช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

                สรุปความรู้สึกหลังอยู่ด้วยกันหลายวัน ซูซูกิ สวิฟท์ใหม่ มาพร้อมกับบอดี้ใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี HEARTECT น้ำหนักเบาแต่แข็งแรงมันเห็นผลเรื่องของการเร่งแซงและอัตราประหยัด ช่วงล่างถูกออกแบบอย่างดีส่งผลให้การเกาะถนนทำได้ดีเกินความคาดหมาย ส่วนอัตราประหยัดทำได้ดี ความคุ้มค่ากับราคาผมว่าลงตัวเครื่องยนต์1.2 ลิตรทำได้ดีขนาดนี้ถือว่าพอใจสำหรับผม

 ***ลองสัมผัสด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ***

ข้อมูลเทคนิค

รุ่นรถ                                       New Suzuki Swift

แบบตัวถัง                              hatchback

มิติ(กว้าง xยาว x สูง มม.)    1,735 x 3,840 x 1,495

แบบเครื่องยนต์                     เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว

รหัสเครื่องยนต์                      K12M   

ความจุ                                    1,197 ซีซี.

กำลังสูงสุด                            83 แรงม้า (hp) ที่ 6,000 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด                          108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที

ระบบส่งกำลัง                       อัตโนมัติ CVT

พวงมาลัย                              แรคแอนด์พิเนียน พร้อมผ่อนแรงไฟฟ้า(EPS)

ความเร็ว 0-100 กม./ชม.      - 

ความเร็วสูงสุด                      150+ กม./ชม.(ประมาณ)

ความจุถังน้ำมัน                     37   ลิตร

ระบบขับเคลื่อน                    ขับเคลื่อน 2ล้อหน้า

ช่วงล่าง                                  หน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริง

                                                หลัง ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง

ขนาดล้อยางหน้า                  185/55 R16

ขนาดล้อยางหลัง                  185/55 R16

ระบบเบรกหน้า/หลัง             ดิสก์เบรก

ผู้จำหน่าย                              บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด

เว็บไซต์                                   www.suzuki.co.th

                               

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2